สำหรับการวางแผนในอนาคตของดิฉันคงเริ่มต้นจากการตั้งใจเรียนหนังสือ พยายามทำเกรดเฉลี่ยให้ดีๆ เพื่อที่จะได้เรียนในสาขาวิชาเอกประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเอกที่ดิฉันตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องเข้าเรียนให้ได้ และเนื่องจากว่าเกณฑ์ในการคัดเลือกของภาควิชานิเทศศาสตร์จะพิจารณาจากผลการเรียนหรือเกรดเฉลี่ยเป็นหลักและรับจำนวนจำกัดด้วย ประกอบกับว่าคนที่อยากจะเรียนประชาสัมพันธ์มีค่อนข้างเยอะ คือต่างคนต่างก็อยากเรียน ดังนั้นเรายิ่งต้อง active ตัวองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะแข่งขันกับคนอื่นๆ แต่มันทำให้เราได้เรียนรู้ว่า การที่เรามัวแต่มานั่งแข่งขันกับคนอื่น มันก็เหมือนการสร้างความเครียด ความกดดันให้กับตัวเอง และคนที่รู้สึกเหนื่อยที่สุดก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่กลับเป็นตัวเรานั่นเอง แต่ ณ ตอนนี้ดิฉันกลับมีมุมมองที่ว่า จงเรียนรู้ที่จะแข่งขันกับตัวเอง เอาชนะตัวเองให้ได้ คือทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ถึงแม้ว่าผลที่ออกมาอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คากหวังไว้ แต่ในความรู้สึกลึกๆก็แอบมีความภูมิใจในตัวเองที่อย่างน้อยเราก็ได้พยายามทำเต็มที่แล้ว
นอกจากการเรียนแล้วก็จะพยายามตักตวงเอาประสบการณ์และใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยตลอดระยะเวลา 4 ปี ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพราะดิฉันคิดว่า มันมีอะไรมากกว่าการเรียนหนังสือ โดยเฉพาะการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เพราะนั่นคือสิ่งที่จะคอยสอนให้เรารู้จักแก้ไขปัญหา รู้จักวางแผนการทำงาน ซึ่งไม่มีให้เราได้เรียนรู้ในตำราอย่างแน่นอน
หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี คงหางานทำที่ตรงกับสาขาวิชาที่เรียนมา นั่นคือ ทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้กับองค์กร แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำงานด้านพิธีกร และผู้ประกาศข่าว เพราะเป็นอาชีพที่ดิฉันใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กและเป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันเลือกที่จะเรียนนิเทศศาสตร์
เมื่อเรียนจบ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง สิ่งที่ดิฉันตั้งใจจะทำก็คือ ส่งเสียน้องชายให้เรียนจบสูงๆ เก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด ให้ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในบั้นปลายชีวิต เพราะเท่าที่ดิฉันจำความได้ ท่านทั้งสองก็ทำงานหนักมาตลอด ถึงตอนนั้นมันก็คงถึงเวลาที่เราต้องเป็นฝ่ายดูแลท่าน และถ้าเป็นไปได้ก็อยากเรียนต่อปริญญาโท อยากมีกิจการเล็กๆเป็นของตัวเอง อยากพาครอบครัวและหลานๆไปเที่ยว เพราะมันเป็นสิ่งที่ดิฉันต้องการมาโดยตลอด แต่ไมโอกาสได้ไปเที่ยวกับครอบครัวเลยเพราะปัจจัยหลายๆอย่างไม่เอื้ออำนวย และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดิฉันอยากจะทำมากที่สุดในอนาคตข้างหน้า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวังเอาไว้ก็คงดี มันคงเป็นชีวิตที่มีความสุขและคุ้มค่าที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าอนาคตจะยังคงเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดหวังหรือกำหนดได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้ ก็คือ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน และทำวันนี้ให้ดีที่สุด
นอกจากการเรียนแล้วก็จะพยายามตักตวงเอาประสบการณ์และใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยตลอดระยะเวลา 4 ปี ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพราะดิฉันคิดว่า มันมีอะไรมากกว่าการเรียนหนังสือ โดยเฉพาะการทำกิจกรรมร่วมกับผู้อื่น เพราะนั่นคือสิ่งที่จะคอยสอนให้เรารู้จักแก้ไขปัญหา รู้จักวางแผนการทำงาน ซึ่งไม่มีให้เราได้เรียนรู้ในตำราอย่างแน่นอน
หลังจากที่เรียนจบปริญญาตรี คงหางานทำที่ตรงกับสาขาวิชาที่เรียนมา นั่นคือ ทำงานฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้กับองค์กร แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากทำงานด้านพิธีกร และผู้ประกาศข่าว เพราะเป็นอาชีพที่ดิฉันใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กและเป็นแรงบันดาลใจให้ดิฉันเลือกที่จะเรียนนิเทศศาสตร์
เมื่อเรียนจบ มีหน้าที่การงานที่มั่นคง สิ่งที่ดิฉันตั้งใจจะทำก็คือ ส่งเสียน้องชายให้เรียนจบสูงๆ เก็บเงินสร้างบ้านให้พ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด ให้ท่านได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในบั้นปลายชีวิต เพราะเท่าที่ดิฉันจำความได้ ท่านทั้งสองก็ทำงานหนักมาตลอด ถึงตอนนั้นมันก็คงถึงเวลาที่เราต้องเป็นฝ่ายดูแลท่าน และถ้าเป็นไปได้ก็อยากเรียนต่อปริญญาโท อยากมีกิจการเล็กๆเป็นของตัวเอง อยากพาครอบครัวและหลานๆไปเที่ยว เพราะมันเป็นสิ่งที่ดิฉันต้องการมาโดยตลอด แต่ไมโอกาสได้ไปเที่ยวกับครอบครัวเลยเพราะปัจจัยหลายๆอย่างไม่เอื้ออำนวย และทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ดิฉันอยากจะทำมากที่สุดในอนาคตข้างหน้า ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่หวังเอาไว้ก็คงดี มันคงเป็นชีวิตที่มีความสุขและคุ้มค่าที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตามแม้ว่าอนาคตจะยังคงเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถคาดหวังหรือกำหนดได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำได้ ก็คือ ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน และทำวันนี้ให้ดีที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น